มาดู 4 สิ่งที่ต้องทำทันที เมื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศ แต่ละข้อ ไปพร้อมๆกันครับ
สารบัญ
4 สิ่งที่ต้องทำทันที เมื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศ
1. ตรวจสอบสภาพของเครื่องและอุปกรณ์ประกอบด้วยทั้งหมด
2. วางแผนว่าจะตั้งเครื่องฟอกอากาศบริเวณไหน
3. ทดสอบและเปิดเครื่องฟอกอากาศ เพื่อดูว่ามีเสียงผิดปกติ หรือตัวเครื่องมีการสั่นหรือไม่
4. ลองเอามืออังตรงหน้ากากที่ปล่อยอากาศบริสุทธ์ที่ฟอกแล้วว่าเบาหรือต่ำเกินไปหรือไม่
สินค้าพร้อมจำหน่าย คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติม
4 สิ่งที่ต้องทำทันที เมื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศ
สองปีที่ผ่านมา ผู้เขียนได้ให้คำแนะนำการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้แก่ทั้งญาติๆ เพื่อนๆ คนรู้จัก และลูกค้า อีกหลายร้อยราย สิ่งที่ต้องกุมขมับหรือก่ายหน้าผากทันที นั้นก็คือ ไม่รู้ว่าต้องวางเครื่องฟอกอากาศไว้ตรงไหน ถึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด หรือไม่ควรวางเครื่องฯ ตรงบริเวณใด ที่จะทำลายประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ
ปัญหา และที่หนักไปกว่านั้นคือ เปิดเครื่องฟอกอากาศทันที ทั้งๆที่ยังไม่ตรวจสอบหรือใส่แผ่นกรองใดๆ เลย เพราะคิดว่าทางคนขายจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่ความผิดของผู้ซื้อ หรือคนอื่นที่จะมาว่าหรือตำหนิเรา
ที่ไม่รู้อะไรเลย แต่เป็นสิ่งที่ผู้ขาย ไม่ใช่ควร แต่ต้องตรวจสอบสินค้าให้กับผู้ซื้อด้วย รวมถึงต้องบอกและอธิบายรายละเอียดของวิธีการใช้ วิธีการติดตั้ง และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อให้ผู้ซื้อเข้าใจและได้ประสิทธิภาพสูงสุด
1. ตรวจสอบสภาพของเครื่องและอุปกรณ์ประกอบด้วยทั้งหมด
แม้ว่าเราจะรู้ว่าเครื่องฟอกอากาศที่เราซื้อมา มีประกันอย่างน้อย 1 – 2 ปี หากตัวเครื่องหรืออุปกรณ์ชำรุด
ก็เปลี่ยนใหม่ได้ทันที ไม่ต้องกังวล แต่ทางเราขอแนะนำว่า จะดีกว่าหรือไม่ หากเราตรวจสอบอุปกรณ์และตัวเครื่อง
ซึ่งจริงๆแล้ว ใช้เวลาไม่เกิน 3 – 5 นาที แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความสบายใจและมั่นใจ ดังนั้น
เราจึงขอให้คุณตรวจสอบดังนี้ เมื่อเครื่องฟอกอากาศมาถึงบ้าน
- ตรวจสอบว่าเครื่องฯอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีรอยขีดข่วน รอยบุบ หรือสีถลอก
- สายไฟ หัวปลั๊ก ขั้วเสียบ ไม่แตกหัก บิ่น หรือขาดหรือไม่
- แผ่นกรองอากาศ ของตัวเครื่องมีกี่แผ่น ตรงกับคุณสมบัติหรือรายละเอียดเครื่อง หรือไม่
- แผ่นกรองอากาศ มีสภาพสมบูรณ์ มีรอยฉีกขาด หรือรอยแตก หรือไม่ ซึ่งส่วนนี้สำคัญมากหากแผ่นกรองมีปัญหา ต้องเปลี่ยนทันที ห้ามอดทนหรือฝืนใช้นะครับ เพราะอาจจะเกิดการรั่วไหลของเชื้อโรค ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตราย
ของคนรอบข้างได้ - มอเตอร์ผิดปกติหรือไม่ เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบรูปลักษณ์ภายนอก อาจเริ่มต้นด้วยการจับหรือลองขยับ
ตัวยึดมอเตอร์ว่าแน่นหรือไม่ หากเปิดเครื่องแล้วได้ยินเสียงผิดปกติ ให้ปิดเครื่องทันที
2. วางแผนว่าจะตั้งเครื่องฟอกอากาศบริเวณไหน
มั่นใจว่า 90% ของคนทั่วไปที่ซื้อเครื่องฟอกอากาศ ไม่รู้จริงๆว่า เครื่องฟอกอากาศ ต้องมีตำแหน่งการวาง
ที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่า คนส่วนมาก เลือกที่จะวางข้างทีวี ใกล้ๆโซฟา หรือ บนหรือข้างๆเตียงนอน ซึ่งจากที่พูดมา
บางตำแหน่ง สามารถวางได้ แต่บางตำแหน่ง ถ้าเคลื่อนย้ายได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีกว่านะครับ เพราะอะไร จะขออธิบายให้ฟังเป็นข้อๆ โดยแบ่ง บริเวณที่ควรและไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศ พร้อมให้เหตุผลว่าเพราะอะไร
บริเวณที่ควรวาง
- วางหน้าประตู
เมื่อคุณเข้าห้องมาแล้ว สิ่งที่ควรทำ เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุด คือ การปิดประตู เพราะถ้าคุณเปิดประตูไว้ อากาศภายนอกก็จะเติมเข้ามาเรื่อยๆ แทนที่อากาศที่มีอยู่ในห้อง ทำให้อากาศฟอกเท่าไร ก็ไม่หมดซักที
ดังนั้น เมื่อเปิดประตู มลพิษและเชื้อโรค จะผ่านเข้าประตูมาจากด้านนอก การที่เราตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ตรงหน้าประตู เป็นเสมือนด่านกำจัดเชื้อโรคทันที ซึ่งสามารถช่วยลดมลพิษและเชื้อโรคได้เยอะ แต่สิ่งที่สำคัญ คือ เมื่อคุณเปิดประตูแล้ว ควรรีบปิดทันที เพื่อให้อากาศฟอกได้ไวที่สุดครับ
- วางตรงข้ามกับเครื่องปรับอากาศ
ในส่วนของข้อนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่เช่นเดียวกัน เพราะน้อยคนมากครับ ที่จะรู้ว่า การวางเครื่องฟอกอากาศตรงข้ามกับเครื่องปรับอากาศ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่า 20% เพราะจะช่วยฟอกอากาศที่หมุนเวียน (Recirculating Air) ของเครื่องปรับอากาศ
ในขณะเดียวกัน หากวางเครื่องฟอกอากาศใต้เครื่องปรับอากาศ จะทำให้ประสิทธิภาพลดลง เพราะเครื่องปรับอากาศมีแรงดูดที่มากกว่าเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งจะทำให้เครื่องฟอกอากาศมีแรงดูดอากาศที่ไม่สม่ำเสมอและถูกรบกวน
- วางจุดที่มีมลพิษเข้มข้นหรือสูงที่สุด
ในส่วนนี้เป็นจุดพื้นฐานที่แนะนำว่า ณ บริเวณไหนที่มีฝุ่นหรืออากาศไม่บริสุทธ์มาก ก็ให้เปิดเครื่องฟอกอากาศ
ไว้ตรงนั้นแหละครับ เพียงแต่หลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบ ก็จะรู้ว่าตั้งบริเวณไหนดีและไม่ดีแล้วละครับ
บริเวณที่ไม่ควรวาง
- วางตรงหัวนอน
หัวนอนหรือเตียงนอน คือบริเวณที่ยอดนิยมอีกจุดหนึ่งที่แนะนำให้วางเครื่องฟอกฯ แต่บริเวณที่คนมักเข้าใจผิด คือ การวางเครื่องฟอกอากาศ ไว้ใกล้เตียงนอนหรือหัวนอน
ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการดูดฝุ่น เข้าหาตัวเราเองมากกว่า ทางที่ดีหากจะวาง ควรวางตรงปลายเท้า หรือ วางให้ห่างอย่างน้อย 2 – 3 เมตร จะช่วยให้ปลอดภัยขึ้นครับ
- วางใกล้ห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นสถานที่หรือบริเวณที่มีความชื้น(Humidity) ซึ่งเป็นอันตรายต่อแผ่นกรองอากาศอย่างมาก
หากแผ่นกรองโดนความชื้น โดยเฉพาะแผ่นกรอง HEPA Filter จะทำให้ประสิทธิภาพลดลง และเกิดการชำรุด
หรือเสียหายต่อแผ่นกรองได้
- วางใกล้ห้องครัว
ห้องครัวคล้ายๆกับห้องน้ำเลยครับ ไม่ควรตั้งวางใกล้เกินไป เพราะการทำอาหารมีไอสารระเหยและความชื้น
คล้ายๆกันกับพื้นที่ในให้องน้ำ ถ้าจะวางจริงๆ ให้วางห่างจากบริเวณห้องครัวอย่างน้อย 3 – 5 เมตร ครับ
- วางใกล้ทีวี
หลายคนคงแปลกใจแน่นอนว่า แค่วางเครื่องฟอกอากาศใกล้กับทีวี มันจะเกิดอะไรขึ้น สำหรับเครื่องฟอกอากาศ บางแบรนด์จะไม่มีปัญหา แต่สำหรับบางเครื่องที่มีฟังก์ชั่นหรือเซนเซอร์เยอะ ทางผู้ผลิตถึงกับแนะนำเลยครับ ว่าอย่าวางใกล้ทีวี เพราะจะรบกวนสัญญาณของการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ
ซึ่งบ่งบอกได้ว่า เครื่องฟอกอากาศที่เคลมว่า สะดวกสบาย เทคโนโลยีขั้นสูง ลึกๆแล้วอาจจะแฝงค่าใช้จ่ายเพิ่มหลายเท่าที่เราไม่อาจรู้ตัว หรือซื้อมาแล้ว อาจจะต้องส่งซ่อมบ่อยนะครับ
- วางชิดผนัง
เครื่องฟอกอากาศต้องการ การไหลเวียนของอากาศอย่างเต็มที่ ดังนั้น การวางชิดผนังเกินไป หรือติดมุมเกินไป ทำให้อากาศที่จะถูกดูดเข้ามา ถูกปิดด้วยมุม ดังนั้น เป็นไปได้ ให้วางเครื่องฟอกอากาศ ให้ห่างจากผนังอย่างน้อย
10 เซนติเมตรนะครับ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศให้เต็มที่
3. ทดสอบและเปิดเครื่องฟอกอากาศ เพื่อดูว่ามีเสียงผิดปกติ หรือตัวเครื่องมีการสั่นหรือไม่
แม้เราได้ซื้อเครื่องฟอกอากาศไปเรียบร้อยแล้ว ตรวจสอบอุปกรณ์ วางตำแหนงที่เหมาะสม เปิดเครื่องเรียบร้อย แต่อยากจะขอให้ลองสละเวลาซัก 10 วินาที ลองมองเครื่องฟอกอากาศที่คุณซื้อทำงานไปซักพัก มีไฟกระพริบรึเปล่า หรือ เซนเซอร์ผิดปกติหรือไม่
เพราะผู้เขียนได้เคยใช้เครื่องฟอกอากาศแบรนด์นิยมชื่อจีน เครื่องหนึ่ง หลังจากใช้ไปซักพัก ได้สังเกตว่า เซนเซอร์อ่าน PM2.5 อยู่ที่ 001 อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเวลาไหน ตอนแรก ผู้เขียนนึกว่า อากาศน่าจะบริสุทธ์ทุกวัน เพราะฝุ่นPM2.5 ได้ทุเลาลงไปแล้วในบางพื้นที่
แต่หลังจากนั้น ได้ลองเป่าผงแป้งเข้าไปที่ตัวเครื่อง เซนเซอร์ยังบอกว่า ค่าฝุ่นอยู่ที่ 001 อยู่ ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้เขียนรู้เลยว่า เครื่องฟอกอากาศของตนเอง เกมแล้ว!
4. ลองเอามืออังตรงหน้ากากที่ปล่อยอากาศบริสุทธ์ที่ฟอกแล้วว่าเบาหรือต่ำเกินไปหรือไม่
ข้อสุดท้าย คือการตรวจสอบหน้ากากปล่อยลม เพื่อให้แน่ใจว่า เครื่องฟอกอากาศที่คุณซื้อมา มีประสิทธิภาพ
ในการดูดอากาศ ตรงตามสเปคที่ระบุเอาไว้ ด้วยการเอามืออังหน้ากากที่เป็นหน้าปล่อยลมบริสุทธ์ของเครื่องฟอกอากาศ และลองเปรียบเทียบว่า ความเร็วระดับ 1 2 3 4 ที่ระบุความเร็วลมนั้นๆ ถูกต้องหรือไม่ วิธีนี้อาจจะไม่ได้เปะมาก เท่ากับที่จะเอาเครื่องวัดความเร็วลมมาตรวจสอบให้แม่นยำ 100% ซึ่งไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่อย่างน้อย ความแรงในการปล่อยลม ก็ควรจะสมเหตุสมผล ไม่ใช่เปิดเบอร์ 1 ความเร็วแรงสุด แต่ลมที่ปล่อยออกมา เหมือนพัดลมพกติดตัว
ราคา 39 บาท แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องนะครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับ 4 สิ่งที่ต้องทำ หลังจากซื้อเครื่องฟอกอากาศ เมื่ออ่านดูแล ดูเหมือนจะต้องทำเยอะ นู้นนี้นั้น เสียเวลาเป็นชั่วโมง แต่จริงๆแล้ว ขั้นตอนเหล่านี้ ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเองครับ แต่สิ่งที่คุณได้ ไม่ใช่แค่ความรู้
แต่จะเป็นการยืนยันความมั่นใจในสิ่งของที่เราซื้อมาว่า มีประสิทธิภาพจริงๆหรือไม่
เพราะ เครื่องฟอกอากาศ เปรียบเสมือน “ปอดสังเคราะห์” ที่จะช่วยเราฟอกอากาศเสียต่างๆ ในทุกๆวัน ถ้าซื้อเครื่องฟอกอากาศมาแล้ว ดันไม่ช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีได้ ก็จะเป็นการบอกว่า แบรนด์ไม่ใส่ใจหรือจริงใจในการมอบสินค้า
ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า