มาทำความรู้จักกับเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อกัน
การระบาดจากเชื้อไวรัสCOVID-19 ทำให้โลกเผชิญกับความท้าทายที่เปลี่ยนไปทั้งชั่วคราวและถาวร ทั้งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักและกลายเป็นธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ได้รับผลกระทบ คือ การแพทย์ ที่จำเป็นต้องหาเครื่องมือ หน้ากากฯ และวัคซีนต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ ขยะติดเชื้อ ซึ่งไม่ใช่ขยะธรรมดา แต่เป็นขยะที่เกิดจากการสัมผัสผู้ป่วย หรือกิจกรรมทางการแพทย์ ที่อาจทำให้เกิดอันตราย หรือการติดเชื้อต่อผู้สัมผัสได้ ซึ่งขยะติดเชื้อได้แก่ ใบมีด ของมีคมที่ใช้ทางการแพทย์ ผ้าก๊อซปิดแผล กระดาษทิชชู่ สำลี สายยาง แผ่นกระจก เป็นต้น
ปัญหาขยะติดเชื้อในช่วงที่เกิดวิกฤตCOVID-19 ทำให้ขยะติดเชื้อในประเทศไทย มีมากกว่าวันละ 300,000 กิโลกรัมต่อวัน และผู้ป่วย 1 คน ก่อให้เกิดขยะติดเชื้อมากกว่า 0.5 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งนับเป็นขยะมหาศาลเลยทีเดียว
.
.
.
แล้วเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ มันคืออะไร แตกต่างจากเตาเผาขยะที่เราเห็นทุกวันนี้อย่างไร?
เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ เป็นนวัตกรรมที่มีมานานแล้ว มากกว่า 20 ปี แต่ยังไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นที่รู้จักน้อย และในประเทศไทย ยังไม่มีผู้ผลิตในประเทศที่สามารถสร้างเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อได้ แต่หลังปี พ.ศ. 2545 ที่รัฐบาลได้กำหนดกฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดมูลฝอยติดเชื้อ และตามมาด้วย พรบ. ต่างๆในปี 2564 – 2566 ทำให้เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในประเทศ
เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ คือเครื่องจักรที่กำจัดด้วยการบดหั่นขยะติดเชื้อที่มีปริมาณมากให้เล็กลงและทำให้ปราศจากเชื้อ ด้วยไอน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิสูงมากกว่า 134 องศาเซลเซียสขึ้นไป ซึ่งที่ผ่านมาในอดีต จะเป็นการกำจัดโดยใช้น้ำยาซักฟอกเช่น ไฮเตอร์ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือใช้คลื่นไมโครเวฟ เป็นต้นแต่ปัจจุบันที่ทั่วโลกนิยมใช้คือการ นวัตกรรมอบด้วยแรงดันไอน้ำ(Autoclaving) ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่รับรองมาตรฐานการกำจัดขยะติดเชื้อที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้งาน
.
.
.
เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อทำงานอย่างไร มีกี่ขั้นตอน?
เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อที่ใช้นวัตกรรมแรงดันไอน้ำร้อน(Autoclaving) ควบคู่กับการบดหั่น(Shredding) โดยจะแบ่งการทำงานเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่
- การบดหั่นขยะติดเชื้อ(Shredding Process)
เป็นกระบวนการแรกของเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ ซึ่งจะเป็นคล้ายกระโถนหรือที่บรรจุขยะติดเชื้อ(First Chamber) โดยจะมีปริมาตรในการรองรับที่เล็กไปจนถึงใหญ่ เริ่มต้นอาจจะที่ 75 ลิตร ไปจนถึง 2000 ลิตร โดยเมื่อบรรจุจะมีฝาปิดเพื่อไม่ให้เกิดการฟุ้งกระจายของเชื้อ หลังจากนั้นจะทำการบดหั่นขยะติดเชื้อให้มีขนาดเล็กโดยมีใบมีดเป็นฟันบดหั่นขยะ ซึ่งใบมีดโดยตัวของมันเองจะมีระบบป้องกันการติดขัด(Anti-Jamming)โดยหมุนใบมีดในลักษณะตรงกันข้าม(Inverter) ซึ่งกระบวนการจะใช้เวลาประมาณ 15 – 45 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณและประเภทของขยะติดเชื้อ
2. การทำให้ปราศจากเชื้อด้วยแรงดันไอน้ำร้อนสูง (Sterilization Process)
เป็นกระบวนการที่สองของเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ ซึ่งหลังจากที่ขยะติดเชื้อถูกบดหั่นให้มีขนาดเล็กจะร่วงลงไปยังห้องที่สอง(Second Chamber) ที่มีการใช้แรงดันไอน้ำร้อนสูง โดยจะใข้เวลาประมาณ 15 – 45 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณขยะที่ใส่เข้าไปในห้องแรก ด้วยความร้อนที่สูงถึงหรือมากกว่า 134 องศาเซลเซียส จะเป็นการการันตีว่าเชื้อโรคต่างๆ จะถูกทำลายหมด ด้วยประสิทธิภาพการกำจัดถึง 8Log10 โดยการตรวจสอบประสิทธิภาพการกำจัดเชื้อ โดยทั่วไปจะใช้อุปกรณ์ตรวจสอบที่เรียกว่าตัวบ่งชี้ทางชีวภาพ(Biological Indicator) และมักจะหย่อนหรือติดไปกะห้องฆ่าเชื้อขยะติดเชื้อ(Second Chamber)
3. การคูลดาวน์และการดูดทิ้งน้ำเสีย(Cooling & Draining Process)
หลังจากที่ขยะติดเชื้อถูกบดหั่นและฆ่าเชื้อด้วยไอน้ำร้อน ซึ่งหลังผ่านสองกระบวนการนี้ เจ้าหน้าผู้ปฏิบัติการจะยังไม่สามารถเปิดฝาประตูเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ เนื่องจากขยะติดเชื้อฯ มีความร้อนสูงมาก ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช่ ดังนั้น ระบบกำจัดขยะติดเชื้อด้วยไอน้ำร้อนสูง จะมีระบบทำความเย็นเพื่อลดอุณภุมิในเครื่อง โดยการฉีด(Injecting)ลมเย็นเข้าไป และหลังจากนั้นไอน้ำร้อนที่ระเหยจากการฆ่าเชื้อจะถูกดูดออกด้วยแรงดันบวก(Positive Pressure) และการดูดออก(Vacuum)
4. การนำขยะปราศจากเชื้อออกมา(Unloading)
หลังจากที่ขยะปราศจากเชิ้อเย็นลงและสภาวะแรงดันในเครื่องปกติ ประตูเครื่องฯ จะสามารถเปิดได้ และเป็นขยะที่ปลอดภัยสามารถนำไปใข้ทางประโยชน์อื่นๆได้ เช่นทำอิฐก้อน รั้วอัด ฝังกลบตามหลักสุขาภิบาล หรือนำไปทำ RDF
.
.
.
ทำความรู้จัดเครื่องและขั้นตอนกันไปแล้ว เรามาดูกันว่า ข้อดี จุดแข็ง ข้อเสีย จุดอ่อน มีอะไรบ้าง
- ข้อดีของเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ
1. ขนาดมีหลากหลาย ตั้งแต่พื้นที่ในห้องไปถึงอาคารขนาดใหญ่
ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยี ทำให้เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อมีหลากหลายโมเดลเพื่อเป็นการรองรับปริมาณขยะติดเชื้อของแต่ละที่ให้เหมาะสม เริ่มตั้งแต่กำจัดได้ชั่วโมงละ 20 กิโลกรัม ไปจนถึง 500 – 2000 กิโลกรัม ต่อชั่วโมงทีเดียว รวมถึงการวางแผนงบประมาณในการติดตั้ง ต่างจากเตาเผาที่ใช้พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 5 ไร่เป็นต้นไป และต้องสร้างเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่
2. ราคาเหมาะสม คุณภาพสูง
เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ เริ่มต้นเพียงหลักล้านบาท สำหรับโมเดลขนาดเล็ก และเพียงหลักสิบล้านบาทสำหรับรุ่นขนาดใหญ่ ถ้าเทียบกับเตาเผาขยะแล้วอาจจะต้องเริ่มต้นหลักร้อยล้านไปจนถึงหลักพันล้านบาทเลยทีเดียว
3. ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อโดยส่วนมากจะมีระบบปฏิบัติการ 2 ระบบ คือ ระบบบดหั่น และ ระบบทำให้ปราศจากเชื้อ และด้วยความทันสมัย ทำให้ระบบขับเคลื่อนด้วย PLC (Programmable Logic Control) ซึ่งเป็นระบบที่ควบคุมการทำงานของเครื่องจักร ลดขั้นตอนการทำงานแมนวล(Manual) และสนับสนุนการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ(Automatic) ยิ่งไปกว่านั้น ใช้บุคลากรดูแลเครื่องแค่ประมาณ 1 – 3 คน เพียงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีหลายแผนก เพื่อควบคุมเครื่อง
4. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและโลก
ณ ปัจจุบัน นโยบายของประเทศต่างๆกำลังรณรงค์ในเรื่องของ “โลกร้อน” มาหลายปี แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้เริ่มเข้มงวดมากขึ้น มีการพูดถึงเรื่อง Carbon Footprint , Carbon Credit, Carbon Offset ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซ์คาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้โลกร้อน เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ โดยทั่วไป จะเป็นระบบไฟฟ้า แต่ก็มีระบบอื่น เช่น น้ำมัน และแก๊ส ให้เป็นตัวเลือกเพื่อเหมาะสมกับระบบของที่ตั้งนั้นๆ ซึ่งในท้ายที่สุด ปริมาณการปล่อย CO2 ก็ยังคงมี แต่น้อยกว่าระบบเตาเผาหลายเท่า เนื่องจากระบบเตาเผาเป็นระบบขนาดใหญ่ มีการปลดปล่อย CO2 มหาศาล “เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อไม่ปล่อยกลิ่นเหม็น หรือมลพิษอากาศทางอากาศทุกประเภท“
.
.
.
- ข้อเสียของเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ
1. ขนาดเล็ก และมีเวลาต่อรอบที่จำกัด
ด้วยความที่เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อมีรอบในการกำจัด(Cycle) ไม่ได้ป้อนขยะเข้าต่อเนื่องแบบเตาเผาขนาดใหญ่ ดังนั้น หน่วยงานที่ติดตั้งเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ จำเป็นต้องคำนวณปริมาณขยะและเวลาต่อรอบให้สัมพันธ์กัน หากปริมาณขยะติดเชื้อมีมากกว่าจำนวนรอบกำจัดต่อวัน จะทำให้เกิดขยะติดเชื้อคงค้างได้
2. ไม่สามารถกำจัดขยะประเภทอื่นๆได้
ด้วยชื่อก็คือ เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ ดังนั้น ตัวเครื่องไม่สามารถกำจัดขยะประเภทอื่น เช่น ขยะสารเคมี หรือขยะที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้น หน่วยงานที่มีเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ จำเป็นที่จะต้องมีการคัดแยะขยะในต้นทาง ก่อนเอานำเข้าเครื่องทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดขัดของการบดหั่นและสร้างความเสียให้ตัวเครื่องได้
.
.
.
.
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ แอดเชื่อว่าหลังจากที่เราได้อ่านตั้งแต่ต้น ก็มั่นใจเราคงรู้จักแล้วว่าเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อคืออะไร ทำงานอย่างไร และมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร เพราะเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อเป็นนวัตกรรมรักษาสิ่งแวดล้อมที่นำเข้ามาเพื่อกำจัดขยะติดเชื้อโดยเฉพาะ ซึ่งวิกฤตCOVID-19 ก็ยังเป็นสิ่งที่ยังคงอยู่รอบตัวเราไปอีกนาน และอาจมีสายพันธ์ไวรัสชนิดใหม่ที่รุนแรงกว่าCOVID-19 ก็เป็นได้ แต่ขยะติดเชื้อจะยังคงไม่หายไปไหน ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะเพิ่มขึ้นสูงมากก็เป็นได้
.
.
.
บริษัท เอสทีคลีนแอร์ ซิสเทมส์ เป็นตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่ในการนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ แบรนด์ VERTISA จากประเทศ สหรัฐอเมริกาและตุรกี ซึ่งเป็นวัตกรรมที่ใช้การบดหั่นขยะติดเชื้อด้วยใบมีดขนาดใหญ่และใช้ไอน้ำร้อนสูง(Autoclaving) ในการทำให้ปราศจากเชื้อ ได้รับการยอมรับในหน่วยงานรัฐและเอกชน มีหลากหลายโมเดลให้เลือก เพื่อความเหมาะสมกับปริมาณขยะติดเชื้อและงบประมาณ และเรายังเป็นที่ปรึกษาในการจัดการขยะทุกประเภทตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ